วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์

วันพฤหัสบดี ที่ 22 ตุลาคม 2552

วันนี้ฉันจะมาทำเมนูไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ อยากกินกันรึป่าว
ไปตลาดไม่รู้จะทำเมยูไรดี พอดีเดินผ่านร้านไก่
อืม....ซื้อซะหน่อย เอ่อ....แล้วจะทำอะไรดีล่ะเนี่ยซื้อมาแล้ว
หันไปมองร้านอาหารฝั่งตรงข้าม เห็นเขาทำไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์
มาพอดีเลย อืมก็เลยนึกออกแระ ว่าจะทำอะไรดี

ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์



ส่วนผสมที่ใช้อะไรบ้างเรามาดูกันเลย
1.เนื้อไก่ 400 กรัม
2.เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอด 100 กรัม
3.พริกชี้ฟ้า หั่นเฉียงๆ 3 เม็ด
4.ต้นหอม 5 ต้น หั่นเป็นท่อนๆ ขนาด 1 นิ้ว
5.กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
6.ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
8.เกลือป่น 1 ช้อนชา
9.หอมใหญ่ หั่นเป็นแว่นและผ่าครึ่ง 1 หัว
10.น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
11.น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
12.น้ำตาล 1/2 ช้อนชา
13.พริกแห้ง 4 เม็ด

เรามาดูวิธีทำกันเลยนะ คิดว่าไม่ยาก
1. ล้างเนื้อไก่ หั่นชิ้นบางขนาดพอดีคำ ล้างพริกชี้ฟ้า ล้างต้นหอม ปอกเปลือกหอมใหญ่
2. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่กระเทียมเจียวให้หอม ใส่ไก่ ผัดให้เข้ากันจนไก่สุก
3. ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พริกชี้ฟ้า หอมใหญ่ พริกแห้ง ผัดให้เข้ากัน
4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย เกลือ น้ำตาล น้ำปลา ผัดให้เข้ากัน
5. ใส่ต้นหอม ผัดให้ทั่ว ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

อิอิอิ น่ากินช่ายมั้ย อร่อยอยู่แล้ว ฝีมือตัวเองทำเอง ก็อร่อยเอง
ขอตัวไปทานก่อนนะจ๊ะ

วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ต้มส้มปลากระบอก

วันพุธที่ 21 ตุลาคม 2552

น่ากินมั้ยคะ........ เมนูนี้ (น่ากินทุกเมนูเลย อิอิ)
ก็อีกแหละ อากาศน่านอนชะมัดเลย ฝนตกนินิ อากาศกำลังเย็นสบาย
ก็อยากทานอะไรร้อนๆนินา

ต้มส้มปลากระบอก




เรามาดูส่วนผสมกันดีกว่า เพราะต้องออกไปซื้อที่ตลาดแน่ๆ เลย
1.ปลากระบอก ขนาดกลางๆ 3 ตัว
2.น้ำ 5 ถ้วยตวง
3.น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำตาล1 1/2 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
6.เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
7.ขิงอ่อน (ซอยเป็นเส้นบางๆ) 50 กรัม
8.ต้นหอม หั่นเป็นท่อนยาว 1 นิ้ว 50 กรัม
9.ใบผักชี 1/4 ถ้วยตวง
10.รากผักชี 2 ราก ล้างให้สะอาด ทุบพอแตกนิหน่อย
11.หอมแดง ซอยบางๆตามขวาง 3 หัว
12.พริกไทยดำป่น 1 1/2 ช้อนชา
13.กะปิ 1 ช้อนชา
14.น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

** ทำไมต้องเลือกปลาขนาดกลางเหรอ ก็เพราะว่าปลากระบอกขนาดกลาง
จะมีความมันและหวานในเนื้อปลามากกว่าขนาดอื่นๆ เพราะตัวกำลังโต
เอ่อ ....ตอนซื้อที่ร้านบอกให้เขาขอดเกล็ด ควักไส้ และเอาเหงือกออกด้วย **

พร้อมแล้วยังคะ ดูวิธีการทำกันเลยดีกว่า
1.นำปลามาล้างให้สะอาด ล้างด้วยน้ำเกลือเพื่อลดกลิ่นคาว แล้วผ่าครึ่งปลาออกเป็น 2 ท่อน
2.ก่อนอื่นนำภาชนะสำหรับต้มใส่น้ำ ตั้งไฟ ไฟปานกลาง จนเดือด ใส่เกลือป่น รากผักชี กะปิ พริกไทยดำป่น หอมแดง
คนให้เข้ากัน จนเดือด
3.ใส่น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาล น้ำมะนาว คนให้เข้ากันจนเดือด
4.ใส่ปลากระบอกที่เตรียมไว้ลงไป ห้ามคน รอจนเดือด ใส่ขิงซอย และต้นหอมลงไป
คนนิดหน่อย อย่าให้โดนตัวปลา
5.ตักต้มส้มปลากระบอก ใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟร้อนๆ กับข้าวสวย แต่ก่อนอื่นโรยด้วยพริกไทยและใบผักชีนิดหน่อย

แค่นี้ก็อร่อยได้มากแล้วคะ

แกงส้มรวมมิตรทะเล

วันอังคาร ที่ 20 ตุลาคม 2552
แกงส้มรวมมิตรทะเล



เป็นไงล่ะ เมนูวันนี้ น่ากินช่ายมั้ย
อากาศเย็นๆ ฝนกำลังตกเบาๆ ถ้าได้ทานอะไรร้อนๆก็คงดีช่ายมั้ย
วันนี้จะมาทำ แกงส้มดีกว่า เพราะไม่ได้หลายวันแระ
ดูส่วนผสมกันดีกว่าต้องใช้อะไรกันบ้าง ทำแบบง่ายๆดีกว่า

1.ปูม้า 1 ตัว หั่น 4 ชิ้น ทุบก้ามพอแตก
2.กุ้งชีแฮ้ ปอกเปลือกผ่าหลังเอาเส้นดำออก 100 กรัม
3.ปลาหมึก 100 กรัม หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม
4.เนื้อปลากระพง หั่นเป็นชิ้นตามขวาง 100 กรัม
5.ผักกาดขาว หั่นเป็นท่อนยาว 100 กรัม
6.ถั่วฝักยาว หั่นเป็นท่อนยาว 1 นิ้ว 100 กรัม
7.ผักกระเฉด เด็ดเป็นท่อนยาว 1 นิ้ว 100 กรัม
8.น้ำ 4 ถ้วยตวง
9.น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วยตวง
10.น้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ
11.น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
12.น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
13.เกลือ 1/4 ช้อนชา

ส่วนพริกแกงซื้อดีกว่านะ ง่ายดี วันนี้ขี้เกียจด้วย
บอกที่ร้ายว่าเอาเครื่องแกงส้มใต้คะ 1 ขีด
แต่ตอนใส่ 1 ช้อนโต๊ะพอนะ เดี๋ยวจะเผ็ดเกินไป
เตรียมส่วนผสมพร้อมแล้วนะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

วิธีทำ
1.นำน้ำใส่ภาชนะตั้งไฟจนเดือด ใส่เครื่องแกง ใช้ทัพพีคนให้เข้ากัน ละลายเข้ากันเรียบร้อย
2.ใส่น้ำมะขามเปียก เกลือ1/4 ช้อนชา
3.ใส่ปูม้า กุ้ง ปลากระพง ปลาหมึก รอจนเดือด ห้ามคนนะ
4.ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา น้ำมะนาว รอจนเดือด
5.นำผักที่เตรียมไว้ใส่ลงไป คนนิดหน่อย จนเดือด
6.ตักเสิร์ฟได้เลย ทานพร้อมขาวสวยร้อนๆ อร่อยรับรอง

** ถ้าชอบเปรี้ยว ก็สามารถเติมเพิ่มได้อีก**

ขอตัวไปทานก่อนนะ พรุ่งนี้จะทำอะไรทานอีกดี ติดตามดูแระกัน

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ยำเกล็ดหิมะทะเล

วันจันทร์ ที่ 19 ตุลาคม 2552

ฟังชื่อเมนูแล้วน่ากินช่ายมั้ย
วันนี้อยากทำอะไรแซ่บๆ เเรดๆ 555
ป่าวหรอก อยากกินอาหารทะเล แบบยำๆ กะว่าจะทำยำวุ้นเส้น
แต่ไม่เอาดีกว่า เพราะว่าวันนี้ไปตลาดมาซื้อกับข้าวแบบทะเลมาทั้งน้าน
แต่ลืมซื้อวุ้นเว้น ก็เลยต้องตัดวุ้นเส้นออก 5555

ยำเกล็ดหิมะทะเล



เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าต้องเตรียมส่วนผสมอะไรบ้าง

1.เห็ดหูหนูขาว 30 กรัม
2.ปลาหมึกสด 100 กรัม หั่นตามความชอบ ขนาดพอดีคำ
3.กุ้งสด ปลอกเปลือกผ่าหลังเอาเส้นสีดำออก 100 กรัม
4.ปลากระพง 100 กรัม หั่นขนาด 1 ซม.
5.ขึ้นฉ่าน หั่นเป็นท่อนยาว 2 ต้น
6.หอมใหญ่ 1/2 หัว หั่นตามยาง 1 1/2 ซม.
7.หอมแดง ซอยบางๆ 3 หัว
8.พริกขี้หนูสด 10-15 เม็ด
9.พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด ซอยตามขวาง
10.กระเทียม 5 กลีบ
11.น้ำตาล 2 ช้อนชา
12.น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
13.น้ำ 2 ถ้วยตวง

เรามาเริ่มวิธีทำกันเลยดีกว่า

1.นำเห็ดหูหนูแช่น้ำให้นิ่ม ล้างให้สะอาด ตัดโคนทิ้ง พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2.นำน้ำใส่ภาชนะ ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ระดับความร้อนสูง ใส่เห็ดหูหนูขาว ทิ้งไว้สักครู่ ตักขึ้น ล้างด้วยน้ำเย็น พักให้สะเด็ดน้ำ
3.นำกุ้ง ปลาหมึกและปลาที่เตรียมไว้ใส่ภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 3 นาที ระดับความร้อนสูง หมดเวลา นำออกมาวางพักไว้
4.โขลกพริกขี้หนู พริกชี้ฟ้าแดง และกระเทียมเข้าด้วยกัน พอหยาบๆ
5.ใส่น้ำตาล น้ำปลา น้ำมะนาวและพริกที่โขลกไว้ใส่ภาชนะ คนให้เข้ากัน
6.ใส่เห็ดหูหนูขาว กุ้ง ปลาหมึก ปลากระพง หอมใหญ่ หอมแดง และขึ้นฉ่าย คนพอเข้ากัน ตักใส่จาย โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้า 2 ชิ้น และขึ้นฉ่าย 2 ใบ

เสิร์ฟพร้อมขาวสวย หากชอบรสชาติเปรี้ยวมาก็สามารถเติมน้ำมะนาวได้อีก
น้ำลายไหลาแล้วไปทานก่อนดีกว่า

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สปาเก็ตตี้มีตซอส

วันอาทิตย์ 18 ตุลาคม 2552

เมื่อวานตอนเย็นไปทานสปาเก็ตตี้มาอร่อยมาก แต่ยังรู้สึกอยากทานอีก
แต่จะสั่งอีกจาน เกรงว่าจะน่าเกลียด ก็เพราะไปกับเพื่อนชายนิคะ สั่งมากไม่ได้ เดี๋ยวจะดูไม่ดี
ก็สั่งทานแต่พองาม อยากทานอีกก็เลยกลับมาทำทานเองที่บ้าน
ก็เลยวันนี้จะมาแนะนำสปาเก็ตตี้เหมือนกัน แต่เป็นอีกสูตรหนึ่งที่ชอบทาน

สปาเก็ตตี้มีตซอส


ส่วนผสมที่ต้องเตรียมกัน
1.สปาเก็ตตี้ ครึ่งแพ็ค ประมาณ 120 กรัม
2.น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ = 1 ช้อนโต๊ะ สำหรับคลุกเส้น
3.เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำ 3 ถ้วยตวง
5.สันในวัวสับละเอียด 150 กรัม
6.เนยสด 2 ช้อนโต๊ะ
7.หอมใหญ่ สับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
8.มะเขือเทศ หั่นลูกเต๋า 1/4 ถ้วยตวง
9.พริกหวาน หั่นลูกเต๋า 1/4 ถ้วยตวง
10.ซอสมะเขือเทศ 1/4 ถ้วยตวง
11.ซอสพริก 2 ช้อนชา
12.ซอสปรุงรส 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
13.น้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา
14.น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
15.พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
16.น้ำซุป 1/3 ถ้วยตวง
17.แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
18.ออริกาโน่ 2 ช้อนชา
19.ใบกระวาน 2 ใบ

เรามาทำกันดีกว่า หลังจากที่เตรียมส่วนผสมจนเหนื่อย 555
1.นำน้ำ เกลือป่น และน้ำมันพืช ใส่ภาชนะ ปิดภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ระดับความร้อนสูง
2.นำภาชนะออกมา ใสเส้นสปาเก็ตตี้ คนให้เข้ากัน ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ระดับความร้อนสูง คนทุก 5 นาที หมดเวลา ตักเส้นสปาเก็ตตี้ขึ้นให้สะเด็ดน้ำ คลุกน้ำมันพืช พักไว้
3.นำเนยสดและหอมใหญ่ใส่ภาชนะ ไม่ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 2 นาที ระดับความร้อนสูง
4.นำภาชนะออกมาใส่สันในวัว คนให้เข้ากัน ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 2 นาที ระดับความร้อนสูง
5.นำภาชนะออกมาใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมด คนให้เข้ากัน ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 3 นาที ระดับความร้อนสูง
หมดเวลา จัดเสิร์ฟพร้อมเส้นสปาเก็ตตี้ โรยออริกาโน่ ตกแต่งด้วยใบว่าน

อร่อยจ๊าาาารับรองลองทำดู ส่วนผสมอาจจะเยอะแต่อย่าพลาดเด็ดขาดเมนูนี้

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552

แกงเลียงสองเกรอ ร้อนๆๆจ๊าา

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม 2552
อากาศช่วงนี้เปลี่ยนแปลงบ่อยมาก ดูแลสุขภาพกันด้วยนะ ทั้งฝนตก แดดออก
งั้นเรามาสร้างภูมิคุ้มกันไว้ก่อนดีกว่า ด้วยการทำเมนูผักๆๆ
วันนี้เป็นวันหยุด คงมีเวลาไปจ่ายตลาดกันนะ
วันนี้จะมาแนะนำเมนู แกงเลียงสองเหรอ รับรองได้คนที่เป็นไข้เป็นหวัดโล่งแน่นอน
ทำง่ายๆ เพียงแค่มีเตาไมโครเวฟก็อร่อยได้ไม่แพ้กันเลย



เรามาดูส่วนผสมเครื่องแกงเลียงกันดีกว่าว่าต้องเตรียมอะไรกันบ้าง
1.กุ้งขนาดกลาง (แกะเปลือก ผ่าหลังเอาเส้นสีดำออก ลวกสุก) 200 กรัม
2.กะปิเผา 1 ช้อนโต๊ะ
3.พริกขี้หนูสวนเผา 10 กรัม
4.หอมแดงเผา ซอยบางๆ 50 กรัม
5.พริกไทยป่น 1 1/2 ช้อนชา

ตามด้วยส่วนผสมอื่นๆ
1.บวบ หั่นเเฉลบหน้า 150 กรัม
2.ฟักทอง หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋ากลาง 150 กรัม
3.ข้าวโพดอ่อน หั่นเเฉลบหน้า 100 กรัม
4.เห็ดฟาง ผ่าครึ่งตามยาว 170 กรัม
5.ใบตำลึง 100 กรัม
6.ใบแมงลัก 70 กรัม
7.ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
8.น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
9.น้ำปลา 2 ช้อนชา
10. น้ำ 4 ถ้วยตวง

เริ่มทำกันเลยนะคะ
1.โขลกส่วนผสมเครื่องแกงเลียงเข้าด้วยกันให้ละเอียด แล้วพักไว้
2.นำฟักทอง และข้าวโพดอ่อนใส่ภาชนะ ปิดผาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ
ใช้เวลาประมาณ 2 นาที ระดับความร้อนสูง
3.นำส่วนผสมที่โขลกไว้ใส่ในภาชนะทรงสูง เติมน้ำและผงปรุงรสคนให้เข้ากัน
ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ระดับความร้อนสูง
4.ใส่บวบ ฟักทอง ข้าวโพดอ่อนและเห็ดฟางคนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลา
และน้ำตาลทราย ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลประมาณ 6 นาที
ระดับความร้อนสูง แล้วจึงนำออกมาใส่ใบแมงลัก ใบตำลึง กุ้งที่เตรียมไว้
คนให้เข้ากัน ปิดฝาภาชนะ นำเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 3 นาที ระดับความร้อนสูง
5.ตักแกงเลียงสองเกรอ ร้อนๆๆ ใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
ขอแนะนำ
** รับทานกับข้าวสวยร้อนๆจะทำให้ความอร่อยเพิ่มมากยิ่งขึ้น **

5555 ไปทานก่อนนะ พรุ่งนี้มีเมนูอะไรมาแนะนำติดตามกันก็แล้วกันเน้อ

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552

น้ำพริกอ่อง

วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม 2552
ตื่นขึ้นมาทำไมวันนี้อยากทานน้ำพริกจังเลยก็ไม่รู้
สงสัยเป็นเพราะว่าคงไม่ได้ทานมาหลายเดือนแล้วแน่ๆเลย
เอออ..........แล้ววันนี้จะทำน้ำพริกอะไรทานกันดี
อ๋อ...น้ำพริกอ่องดีกว่า
งั้นวันนี้เราทำน้ำพริกอ่องกัน อ้าวววแล้วในตู้เย็นจะมีสว่นผสมมั้ยเนี่ย
ขอตัวไปดูแป๊บนึงนะ

น้ำพริกอ่อง

งั้นเรามาดูกันนะว่าต้องใช้ส่วนผสมอะไรบ้าง
1.เนื้อหมูสับละเอียด 200 กรัม
2.มะเขือเทศสีดา(หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า) 300 กรัม
3.น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
4.น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำมันพืช 1/4 ถ้วยตวง

ส่วนผสมน้ำพริก
1.พริกแห้งเม็ใหญ่ 25 กรัม (แกะเม็ดออกเเช่น้ำให้นิ่ม)
2.หอมแดงซอยบางๆ 60 กรัม
3.กระเทียมหั่นบาง 20 กรัม
4.เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
5.กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผักจิ้มที่ต้องเตรียม
1.แตงกวาหั่นเป็นแว่น
2.ถั่วฝักยาวหั่นเป็นท่อนๆยาว 3 นิ้ว
3.ผักกาดขาวหั่นครึ่งใบตามยาว

พร้อมแล้วยัง ส่วนผสมค่อนข้างเยอะนะ แต่ไม่เป็นไร วันนี้ว่าง
1.โขลกส่วนผสมน้ำพริกเข้าด้วยกันให้ละเอียด แล้วพักไว้
2.นำน้ำมันพืชและส่วนผสมข้อที่ 1 ใส่ภาชนะ คนให้เข้ากัน ไม่เปิดฝาภาชนะ
นำเข้าเตาไมโครเวฟใช้เวลา ประมาณ 3 นาที ระดับความร้อนสูง
3.ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมด คนให้เข้ากัน ไม่เปิดฝาภาชนะ
นำเข้าเตาไมโครเวฟใช้เวลา ประมาณ 15 นาที ระดับความร้อนสูง
(คนทุกๆ 5 นาทีนะคะ ส่วนผสมจะได้เข้ากันดี)
4.ตักน้ำพริกใส่ถ้วยเสิร์ฟ จัดตกแต่งจานผักให้น่าทาน พร้อมข้าวสวยร้อนๆๆๆ

จัดไปเลยคะะ อร่อยชัว

วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หอยลายยยย มาแล้ววข้าาาา

วันพุธที่ 14 ตุลาคม 2552
กลับมาแล้วจ๊าาาา หลังจากที่หายหน้าหายตาไปหลายวัน ช่วงนี้งานเข้าคะ รายงานรออยู่เพียบเลย
จะให้มาเขียนอีกคงไม่ไหวนะคะ
วันนี้มีเมนูที่อยากจะมานำเสนอ อร่อยมากๆ ขอบอก อยากให้ไปลองทำทานกัน
ถ้ามีโอกาสก็ลองนำให้ครอบครัวกานนะ

..........หอยลายผัดน้ำพริกเผา.........



เรามาดูกันดีกว่าว่าต้องเตรียมส่วนผสมอะไรกันบ้าง
ก่อนอื่นคงหนีไม่พ้น

1.หอยลายสดๆ ตัวใหญ่ 1/2 กิโล
2.น้ำพริกเผา 3 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
4.กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
5.น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
6.นมสด 2 ช้อนโต๊ะ
7.พริกชี้ฟ้าเขียว-แดง หั่นเฉียง 2 ดอก
8.ใบโหระพา 1 หยิบมือ

เรามาเริ่มลงมือทำกันเลยนะ ส่วนผสมต้องครบนะ
ถ้าขาดอันใดอันหนึ่งไปไม่มั่นใจนะว่าจะอร่อยรึป่าว

1.ล้างหอยลายให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2.ไฟปานกลาง ใส่น้ำมัน ใส่กระเทียมสับลงในภาชนะผัดให้เข้ากัน
3.ใส่หอยลายลงไป ผัดให้เข้ากัน
4.ใส่น้ำพริกเผา น้ำปลาและนมสด ผัดให้เข้ากัน ใส่โหระพา เมื่อสุกหอยจะเปิดออก พร้อมเสริฟ
5.ตักใส่จาน โรยพริกชี้ฟ้า ทานกับข้าวสวยร้อนๆๆ

ไปแระ ไปทานก่อนดีกว่า รับรองสูตรนี้ con...... แน่นอน





วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ปลาจาระเม็ดนึ่งบ๊วยจ๊าาาาา


ยากกินมั้ยคะเนี่ย วันนี้มีเวลาว่าง ก็เลยนึกอยากจะทานเมนูปลา ก็เลยนั่งรถไปตลาดดีกว่า จ่ายกับข้าว
ไปดูซิว่ามีอะไรน่ากินบ้าง พอดีเดินผ่านร้านขายปลาทะเล ปลาสดมากๆ หันไปมองปลาจาระเม็ดสวยมาก
ขนาดตัวกำลังพอดี ไม่เล็กไม่ใหญ่ ฉันก็เลยซื้อมา 1 ตัว เอามาทำปลาจาระเม็ดนึ่งบ๊วยดีกว่า
ว่าแล้วก็เดินซื้อเครื่องปรุงต่างๆทีต้องใช้ในเมนูวันนี้ เป็นเมนูที่ต้องแนะนำนะ อร่อยมากชอบทานมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว
ปลาจาระเม็ดนึ่งบ๊วย



เรามาดูกันดีกว่าว่าเครื่องปรุงต้องเตรียมอะไรบ้าง

1.ปลาจาระเม็ด 1 ตัวขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่และไม่เล็ก (ปลาขนาดนี้จะมีความมันอยู่ในเนื้ออร่อยที่สุด)

หากไม่มีใช้ (ปลาทับทิม, ปลากระพงหรือปลาชนิดอื่นก็ได้) บอกที่ร้านได้เลยว่าให้เอาใส่ออกด้วย

2.หมูสับ 1 ขีด

3.บ๊วยยีให้ละเอียด 3 เม็ด

4.พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 2 เม็ด

5.ขิงอ่อนซอยเป็นเส้นๆ

6.เห็ดหอมหั่นเป็นเส้นๆ

7.ขึ้นฉ่ายหั่นเป็นท่อนๆ

8.ต้นหอมผักชีวซอย

9.ซิอิ๊วขาว 1 ช้อนชา

10.น้ำมันหอย 1 ช้อนชา

11.พริกไทย 1/4 ช้อนชา

12.เกลือ 1 ช้อนชา

13.น้ำปลา 1/2 ชา

เรามาเริ่มทำกันเลยดีกว่านะ

วิธีทำทีละขั้นตอน

1.ล้างทำความสะอาดปลาด้วยเกลือหรือน้ำมะนาว พอช่วยลดกลิ่นคาว 2 น้ำ แล้วผึ่งให้แห้ง แล้วนำไปจัดวางบนจานที่สามารถนำไปนึ่งได้

2.ผสมหมูสับด้วยน้ำมันหอย พริกไทยน้ำและซิอิ๊วขาวเข้าด้วยกัน ทำให้แบ่นๆวางไว้บนตัวปลา แล้วนำบ๊วยที่ขยี้ไว้ราดบนตัวปลาและหมูหมัก

3.นำขึ้นฉ่าย, เห็ดหอม, ขิงอ่อนและพริกชี้ฟ้า ไปจัดเรียงบนตัวปลา เสร็จแล้วจึงนำไปนึ่ง (เคล็ดลับ: ควรต้มน้ำในหม้อนึ่งให้เดือดจัดก่อนจึงค่อยนำปลาไปนึ่ง เพื่อให้ปลาไม่เหม็นคาว) ใช้เวลานึ่งประมาณ 10-15 นาที (แล้วแต่ชนิดปลา) หรือจนสุกทั่ว

4.เมื่อปลานึ่งสุกดีแล้ว นำออกเสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ

น่ากินช่ายมั้ยวันนี้ ทำได้ง่ายๆนะ เพื่อนลองไปทำกัน



ไข่ตุ๋นนนน น่ากินสุดๆ

วันนี้วันที่ 6 ตุลาคม 2552
ใครชอบกินไข่ยกมือขึ้นนนน...........
วันนี้ฉันจะมาทำเมนูไข่ดีกว่า เพราะว่าทางบ้านยังไม่ส่งตังค์มาให้จ่ายเลย (55555)
เมื่อวานเพิ่งพรีเซ้นต์ Big Idea สไตล์ญี่ปุ่นไป เห็นภาพๆๆๆๆ อดใจไม่ไหว
อยากกินนนน อาหารญี่ปุ่นขึ้นมาแล้วซินะ
วันนี้ก็เลยทำเมนูออกแนวสไตล์ญี่ปุ่นขึ้น เรียกว่า " ไข่ตุ๋นแสนรัก " ดีกว่า


เพื่อนๆพร้อมแล้วยัง สิ่งที่ต้องเตรียมมีดังนี้นะ
1.ไข่ไก่ 3 ฟอง
2.ต้นหอมซอย
3.ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
4.น้ำปลา1/2 ช้อนชา
5.พริกไทยป่นเล็กน้อย
6.หอมแดงซอย 1 - 2 หัว(ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ก็ได้นะ)
7.นมสด 3 - 4 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำสะอาด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
9.กุ้งตัวเล็ก 5 ตัว ล้างปอกเปลือกเอาเฉพาะเนื้อกุ้ง
10.ลูกชิ้นญี่ปุ่นหั่นบางๆประมาณ 1.5ซม. 5 ชิ้น (หาซื้อไม่ยาก ในห้างสรพสินค้ามีจ๊ะ)
11.ผ้าขาวบาง
12.ซีอิ้วญี่ปุ่น

พร้อมแล้วนะ งั้นเรามาเริ่มกันเลย

วิธีทำ

นำไข่มาตอกใส่ภาชนะทนความร้อน และตีไข่ให้ฟู จึงใส่ซีอิ๊วขาว น้ำปลา พริกไทยป่น หอมแดงซอย น้ำสะอาด และนมสด จากนั้นตีให้เข้ากันใช้ผ้าขาวบางกรองให้ไข่ไก่ละเอียดยิ่งขึ้น ใส่กุ้งและลูกชิ้นลงไป โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย แล้วจึงนำไปตุ๋น ใส่น้ำลงในหม้อนึ่งพอประมาณ เมื่อน้ำเดือด จึงนำถ้วยไข่ตุ๋นที่เตรียมไว้วางลงบนชั้นวางสำหรับนึ่ง แล้วปิดฝาให้สนิท นึ่งประมาณ 10 - 15 นาที ใช้ช้อนส้อมจิ้มดู ถ้าไข่ไม่ติดช้อนแสดงว่าสุกดีแล้ว ใส่ซีอิ้วขาวญี่ปุ่นในถ้วยน้ำจิ้ม ตักทานกับข้าวร้อนๆ

ไม่ไหวแล้วววววววว ไปกินก่อน พรุ่งนี้เมนูอะไรมาแนะนำต้องเข้ามาติดตามกันดูนะจ๊ะ




วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ฝนตก.... เราจะทานอะไรกันดี


ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อย ใครที่ไม่อยากออกไปให้เปียกก็หาอะไรทำที่บ้านก็ได้
หรือไม่ก็มาดูแลสุขภาพด้วยการทำอาหารทานกันเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเราซิ
วันนี้เราก็มีอีกหน่ึงเมนูที่จะมาแนะนำให้เพื่อนๆได้ลองทำทานกันดู ง่ายทุกขั้นตอน
คือเมนู
แกงจืดเต้าหู้ไข่



เครื่องปรุงและส่วนผสมมีอะไรบ้าง เรามาเตรียมพร้อมกันเลย ดังนี้


1.หมูสับ 150 กรัม
2.เต้าหู้ไข่ไก่ 1 หลอด
3.น้ำสะอาด 3 ถ้วย
4.ผักกาดขาว 100 กรัม
5.วุ้นเส้น 50 กรัม
6.แครอท 50 กรัม

7.ต้นหอม 2 ต้น
8.เห็ดหูหนู 25 กรัม
9.เกลือ 1/2
10.น้ำปลา 1 ช้อนชา
11.วีอิ้วขาว 1/2 ช้อนชา
12.พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
13.กระเทียมสับละเอียด 3 กลีบ
14.ซุปก้อนแกงจืด 1 ก้อน


พร้อมกันแล้วยังคะ ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะ
เริ่มต้นจาก
1. หมักหมูสับโดยใช้ซีอิ๊วขาวนิดหน่อย กระเทียมสับ และพริกไทย พักไว้ นำวุ้นเส้นแช่น้ำทิ้งไว้ 15 นาที
2. ทำน้ำซุป เริ่มที่ตั้มน้ำสะอาดให้เดือด เติมเกลือ น้ำปลาและซีอิ๊วขาวและใส่ซุปก้อน
3. พอน้ำเดือด ให้ปั้นหมูสับเป็นก้อนพอคำลงไปจนหมด
4. หั่นเต้าหู้ไข่ให้เป็นท่อน แล้วเติมลงไป
5. เติม ผักกาดขาวหั่นขนาด 1 นิ้วครึ่ง วุ้นเส้น แครอทหั่นประมาณ 1.5 ซม. ใสเห็ดหูหนู
6. ทิ้งไว้จนเดือด ใส่ต้นหอม พร้อมเสิร์ฟ โรยพริกไทยนิดหน่อย

ลองทำทานกันดูนะจ๊ะ อร่อยมากกกกกกกก ทานกับข้าวสวยร้อนๆๆๆๆๆ
พูดแล้วก็หิวขึ้นมาเลย ขอตัวก่อนนะ บะบาย


วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2552

หิวกันแล้วยัง???


วันนี้วันที่ 4 ตุลาคม 2552
หยุดพักผ่อนกันทำกิจกรรมอะไรกันบ้างคะ ไปดู ptt thailand open กันมารึป่าว
รอบชิงด้วยนะ ไม่ไปเสียดายแย่เลย
ถ้าไม่ได้ไปก็ไม่เป็นไร มาทำกิจกรรมอย่างอื่นกันก็ได้
ก็จะแนะนำให้ทำอาหารนั่นแหละ เพราะเป็นเรื่องที่ผู้หญิงอย่างเราต้องเรียนรู้ไว้ให้เชี่ยวชาญ
เราจะได้เป็นคนส่วนน้อยไงจ๊ะ (ส่วนใหญ่ทำไม่เป็นกันทั้งน้าน......อิอิ)
เมนูวันนี้ขอแนะนำ
กุ้งอบวุ้นเส้น

มีส่วนผสม อะรไบ้งเราลองมาดู
1.กุ้งแม่น้ำขนาดกลาง 5 ตัว
2.หมูสามชั้นหั่น 4 ชื้น (ถ้าไม่ชอบใส่เบคอนก็ได้นะ)
3.รากผักชี 3 ต้น
4.พริกไทยป่่นนิดหน่อย
5.นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ
6.น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
7.ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
8.วุ้นเส้น
9.หอมใหญ่ 1/2 หัว หั่น
10.ผักชีโรยหน้า

พร้อมกันรึยังจ๊ะ เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
เริ่มต้น นำวุ้นเส้นแช่น้ำ 15 นาที เทน้ำออกนำน้ำมันหอย ซีอิ้วขาว พริกไทย คลุกเคล้าเขาด้วยกัน
นำกุ้งล้างน้ำให้สะอาด ตัดหนวดกุ้งออกให้สั้นๆพอประมาณ
น้ำหมูสามชั้นใส่ในกะทะวางห่างกันนิดหน่อย ใส่รากผักชี หอมใหญ่
ตามด้วยนำวุ้นเส้นที่คลุกเคล้าเข้ากันมาวางเรียงรายให้สวยงาม นำกุ้งมาวางเรียงกันไว้ข้างบน
อบทิ้งไว้ 10-15 นาที เปิดไฟปานกลาง ใส่นมข้นจืดลงไป อบต่ออีก 3 นาที จากน้ันก็เสร็จเรียบร้อย
ออกเสริฟ อ๋ออย่าลืมผักชีโรงหน้าเพื่อความงามด้วยนะ

และแล้วก็ลองทำทานกันดู ไปทานก่อนนะมันหอมจนอดใจไม่ไหวแล้ว......

วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2552

สร้างสีสรรค์ให้ครอบครัว


วันนี้วันเสาร์ที่ 3ตุลาคม 2552
หากสัปดาห์หนึ่งเพื่อนๆได้มีโอกาสอยู่กับครอบครัว หรือคนที่ตัวเองรัก
ก็ควรหากิจกรรมทำกันหน่อยนะ เพื่อสานความสัมพันธ์ที่ดี
ทำอาหารทานกันในครอบครัวก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยสร้างให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น
เรามีเมนูอร่อยๆมาแนะนำให้คุณลองทำดู ช่วยเสริมเสน่ห์คุณได้ไม่น้อย
ต้มย้ำกุ้งเเม่น้ำรสเด็ด



อย่ารอช้า เรามาดูส่วนผสมที่ต้องใช้กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
1.กุ้งแม่น้ำ 4 ตัว
2.ข่า 1 หัว
3.เห็ดโคน 350 กรัม (ถ้าไม่ชอบเห็ดใส่ยอดมะพร้าวอ่อนก็ได้นะ)
4.ตะไคร้ 1 ต้น
5.ใบมะกรูด 7-8 ใบ
6.รากผักชี 2 ต้น
7.พริกสด 5 เม็ด
8.ซีอิ้วขาว (น้ำปลา) 3 ช้อนโต๊ะ
9.น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
10.น้ำมะนาว 4 ลูก
11.น้ำซุปไก่ 5 ถ้วย
12.ต้นหอม ผักชีหั่นโรยหน้า
13.พริกไทยนิดหน่อย

เรามาลองทำไปพร้อมๆกันเลยดีกว่า
1.นำเห็ดและกุ้งมาล้างน้ำสะอาด เห็ดให้ผ่านสีส่วน
2.นำใบมะกรูด ทุบพริกสดเล็กน้อยพอแตก 3 กลีบ หั่นตะไคร้ขนาด 4 นิ้วและรากผักชีมาล้างน้ำสะอาด
สะเด็ดน้ำแล้วทุบตะไคร้พอแตก ฉีกใบมะกรูดเอาเส้นกลางใยออก พริกที่เหลือหั่นเฉียงๆ หั่นข่าเฉียงๆ
3.เปิดเตาเร่งไฟปานกลางแล้วนำน้ำซุ๊ปใส่หม้อรอจนเดือด แล้วนำข่า ตะไคร้ รากผักชีและใบมะกรูดใส่ลงไปในหม้อ รอจนเดือด
4.นำกุ้งใส่หม้อ ตามด้วยเห็ดโคน ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาทีจึงค่อยปิดฝา แล้วก็รอจนเดือด
5.ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงต่างๆ ซีออิ้วขาว,น้ำปลา,น้ำมะนาว,น้ำพริกเผา พริกไทยและพริกทุบ แล้วชิมรสตามชอบ คนให้เข้ากัน
6.เมื่อต้มเข้าที่แล้วก็ ตักใส่ถ้วย เติมผักชีโรยหน้าและพริกหั่นเฉียงนิดหน่อย พอสวยงาม จากนั้นก็ยกเสริฟได้เลย

น่ากินช่ายมั้ย ......
ตักทานกับข้าวสวยร้อนๆๆๆ
หิวแล้วนะ ไปทานก่อนแล้วกัน บะบาย

หากอยากทำอาหารเป็นต้องเขามาเรียนรู้วิธีนะ


อยากบอกจิงๆว่าเรื่องอาหารเป็นสิ่งสำคัญนะ หากไม่ดูแลใส่ใจสุขภาพ
อาจจะทำให้ความแก่มาเยือนก่อนกำหนด ไม่สวยอย่างเช่นในอดีต โทรมได้อย่างรวดเร็ว
เพราะฉะนั้นการดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นวิธีการแรกที่จะช่วยให้เราสวยได้
โดยไม่ต้องพึ่งหมอ หรืออุปกรณ์ใดๆทั้งสิ้นเพื่อช่วยศัลยกรรม

วันนี้ฉันมีเมนูมาอร่อยๆมาแนะนำให้เพื่อนได้ลองทำกันดูนะ เป็นเมนูง่ายๆที่เพื่อนๆทุกคนสามารถทำได้

เมนู หน่อไม้ฝรั่งผัดกุ้งแช่บ๊วย


ส่วนผสมที่คุณต้องเตรียมพร้อม มีดังนี้

1.กุ้งสดปอกเปลือกผ่าหลังแกะเส้นดำออกด้วย ใส่เท่าที่ชอบ
2.หน่อไม้ฝรั่งสด 6 ต้นเลื
อกต้นอ่อนๆ หั่นเป็นท่อนกะสัก 1.5 นิ้ว
3.แคทรอท หั่นขนาดเท่าๆกันกับหน่อไม้ฝั่งตกแต่งความงามด้วยนะจะได้น่ากินยิ่งขึ้น
4.เห็ดหอมแห้งแช่น้ำ กะพอสวยงามเพื่อเพิ่มสีสัน หรือเห็ดโคนหั่นซีกพอดีคำ
5.น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ เลือกเอาแบบที่บ้านเรามีก็ได้ครับ
6.ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนชา
7.ซอสภูเขาทอง ใส่นิดนึง
8.พริกไทป่นโรยหน้า สักนิด
9.น้ำซุป 2 ช้อนโต๊ะ
10.กระเทียม 4 กลีบ
11.น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ ถ้าเพื่อสุขภาพและผิวที่ดี น้ำมันมะกอกนะคะ
12.น้ำปลา 1/2 ช้อนชา
13.น้ำตาล 1 ช้อนชา

มีเทคนิคความอร่อยอยู่ที่เวลาทำต้องใช้น้อยๆไฟต้องแรงเวลาลวก เวลาผัดกุ้งผ่าหลังไม่ไต้องลึกมากแค่กลางๆตัว เวลาผัดออกมาจะบานสวยนะคะ และอีกอย่างที่สำคัญ ผักที่ใช้ต้องปลอดสารพิษนะจ๊ะ
ป้องกันมะเร็ง

เราเริ่มต้นกันเลยดีกว่าเพื่อไม่ให้เสียเวลา และก็หิวมากแล้วด้วย

ขั้นแรก เปิดแก๊ซ อิอิ ใส่น้ำมัน ผัดกับน้ำมันจนเหลืองหอม
ขั้นต่อไป ใส่กุ้งที่เตรียมไว้ ผัดให้พอเหลืองหอมเข้ากัน
...."."... ใส่หน่อไม้ฝรั่ง ใส่แครอท แล้วผัดให้เข้ากัน
...."."... ใส่น้ำซุป น้ำมันหอย น้ำปลา น้ำตาล ซีอิ้วขาว
...."."... ผัดให้เข้ากัน แล้วก็ยกใส่จาน โรยพริกไทยป่น
** ทานกับข้าวสวยร้อนๆนะ อร่อยมากๆเลย

ไปแล้วนะ ไปทานดีกว่า พรุ่งนี้มีเมนูอะไรจะมาเล่าให้ฟังอีกนะจ๊ะเพื่อน

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2552

การตัดสินใจทำอะไรสักอย่างหนึ่งมันช่างยาก.....จิงๆ

วันที่ 1 ตุลคม 2552

เคยมั้ยเมื่อมีเรื่องเข้ามาในหัว แล้วทำให้เราต้องคิด................ไม่จบไม่สิ้น
เรียกง่ายๆว่า "กังวลใจไม่ล้มเลิก"
เคยมั้ยเมื่อมีเรื่องเข้ามาในหัว แล้วทำให้เราไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปยังไงดี
เคยคิดมั้ยว่าสิ่งที่จะทำลงไปมันใช่ทางที่ดีที่สุด และถูกต้องเสมอจิงๆ(......เหรอ.......)
เคยคิดมั้ยว่าถ้าเราทำอะไรลงไปแล้ว มันอาจจะทำให้เราเสียเวลาไปเปล่าๆๆ
โดยที่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จิงของเราเอง.........................................
แต่ถ้าหากเราไม่คิดทำอะไรเลย ก็ดูเหมือนว่าเราจะเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินไป(รึป่าว)
การเริ่มคิดที่จะทำนับว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่หากว่าไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักแล้วละก็
คงทำให้ทรมานใจไม่น้อยที่ต้องทนอยู่กับมันไปนานเเสนนาน
มันชั่งน่าวิตกยิ่งนักในการที่จะทำอะไรลงไปสักอย่างทั้งที่ตัวเองรัก และไม่เสียเวลาไปกับมัน....


วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

วันที่รู้สึกท้อ

วันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกแย่ที่สุดในรอบปี
ทำไมคนเรามักจะโดนเปรียบเทียบกันอยู่เสมอๆ
รู้มั้ยว่าการเปรียบเทียบคนแต่ละคนมันทำกันไม่ได้
ก็ด้วยปัจจัยต่างๆมากมาย เป็นส่วนหล่อหลอมคนๆนั้น
และนั่นซิ................ทำไมมันจะต้องเกิดขึ้นที่เรา
ทำไมไม่ทำแบบโน้นไม่เป็นแบบนี้ล่ะ
เพื่อนเขาทำได้ทำไม่เราทำไม่ได้.................
ว่าไป (เบื่อหน่ายจิงๆกับการเปรียบเทียบและเราด้อยกว่า)
เกิดมาผิดที่ผิดจังหวะรึป่าวเรา...เซ็งแม่ง
รู้สึกอยากปลดปล่อยตัวเองไปจากตรงนี้เร็วๆซะที
ในช่วงนี้มีแต่จะคุยกันไปให้เป็นเรื่องปวดหัวเปล่าๆ
หากเราไม่คุยกันบ้าง.................
ไม่เจอกันบ้าง...........................
ไม่คิดถึงกันบ้าง.......................
มันคงจะดีกว่านี้
ฉันไม่ต้องไปแคร์อะไรมากไม่สนใจอะไรทั้งน้านอีกต่อไป
เดี๋ยวเวลาจะช่วยทำให้เราดีขึ้น(หรือแย่ลงอันนี้ไม่แน่ใจ)
เรากลายเป็นคนไม่มั่นใจตัวเองซะแล้ว
ความแข็งแกร่งของเราหายไปไหน
ตามหา............ตามหา.................ตามหา.......................
.............................หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ............................
.....................................................................................
.....................................................................................
......................................เจอแระ...................................
.....................................................เหลือเพียงแค่นิดเดียว
ทำไงดี ให้มันกลับมาอีกครั้ง.................ช่วยตอบฉันที....

..............." ฉันคนนี้คนเดิมที่เคยเป็น "...........................

วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552

เลือกเดรสให้เหมาะกับรูปร่าง

สาว ๆ ที่ชื่นชอบการใส่เดรส แต่กลัวไม่สวย

1.สาวสะโพกใหญ่ : จำเป็นจะต้องเลือกเดรสที่เน้นให้เห็นส่วนคอดบริเวณเอว หรือเหนือเอวเล็กน้อย เพื่อดึงความสนใจจากสะโพก พร้อมกับเลือกเนื้อผ้าที่เป็นมันวาว ลื่น

2.สาวแขนเล็กลีบ : สาว ๆ สามารถปกปิดวงแขนที่เล็ก ด้วยการเลือกเดรสที่มีความยาวของแขนเสื้อราว ¾ ในรูปแบบคล้ายกับแขนเสื้อชุดกิโมโน หรือแขนกว้าง ที่มากับเดรสสไตล์เซ็กซี่

3.สาวร่างเล็ก : ควรหลีกเลี่ยงเดรสแนวน่ารัก เพราะยิ่งใส่ คุณจะดูคล้ายเด็ก สำหรับเดรสที่เหมาะกับคุณ จะต้องสวมเดรสเรียบ ๆ พร้อมกับสวมแจ๊กเก๊ตขนาดพอดีตัว

4.สาวอวบ ร่างท้วม : หากอยากจะใส่เดรสให้สวย คุณคงต้องเพิ่มความมั่นใจ เพราะเดรสที่เหมาะกับรูปร่างอวบอั๋น คือเดรสแขนกุด เนื้อผ้ามันวาว พอดีตัว แต่ไม่ถึงกับรัดรูปแนบเนื้อ

5.สาวขายาว : หุ่นสไตล์นางแบบ สูงชะลูดเช่นคุณ จะต้องเลือกเดรสยาวคลุมขา ที่ดูหรูหรา เซ็กซี่ เย้ายวนด้วยการตัดเย็บให้มีขนาดรัดรูปเฉพาะส่วนบนของเดรส

6.สาวไหล่กว้าง : จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเลือกเดรสที่มีขลิบริมผ้าที่ขอบเดรส ขอบแขนเสื้อ รวมทั้งบริเวณคอเสื้อ ยกเว้นบริเวณช่วงไหล่ และควรเลือกแบบแขนเสื้อยาว

7.สาวไม่มีเอว : ในที่นี้ไม่ใช่สาวอ้วน แต่เป็นสาวทรงตรง ที่ต้องใส่เดรสผ้าหนา มีส่วนคอดเน้นเอวชัดเจน แถมยังต้องมีลูกเล่นในการตัดเจ็บใต้เอว ด้วยการจับจีบอ่อน ๆ เช่นเดียวกับบริเวณแขนเสื้อ

8.สาวอกใหญ่ : ให้เลือกเดรสคอวี คอเว้าลึก(ตามใจชอบ) หรือคอสี่เหลี่ยม ที่ไม่ติดบริเวณคอ เนื้อผ้าแบบลื่นมัน ไม่เน้นรัดรูป เพราะจะดูอึดอัด และหลีกเลี่ยงการใส่สร้อยคอ

9.สาวอกเล็ก : จะต้องหลอกสายตาด้วยการดึงดูดความสนใจมาที่หน้าอก โดยเลือกเดรสที่คล้ายกับแบ่งออกเป็น 2 ชิ้น ใส่เดรสมีส่วนเอวสูงถึงบริเวณใต้อก และต้องเข้ารูปให้เห็นส่วนคอด เพื่อเน้นทรงเต้า ด้วยสีเดรสส่วนบน-ล่างที่ต่างกัน

10.สาวผอมแห้ง : เพื่อไม่ให้ดูอ่อนแอ คุณควรเลือกเดรสที่มีลวดลายซิกแซก หรือลอดลายใหญ่เห็นชัดเจนที่เพิ่มมิติให้กับหุ่นบางๆ พร้อมกับแขนเสื้อยาว เสริมลูกเล่นให้กับเสื้อผ้าได้ด้วยเครื่องประดับ ลบความบอบบางของรูปร่าง

รับทราบคำแนะนำที่เจาะจงตามลักษณะรูปร่างกันแล้ว เห็นทีสาว ๆ คงเลือกเดรสให้เหมาะกับตัวคุณได้อย่างไร้กังวล!.

5 วิธีสวยสู้ฝน

ฝนตกกระหน่ำบ่อยๆ ในช่วงนี้ สาวๆ อาจจะต้องเจอปัญหาแต่งหน้าออกจากบ้านไม่ทันไรเดี๋ยวฝนก็จะมาพาเมกอัพสวยๆ ให้ได้เลอะเทอะ อดสวยกันพอดีและถ้าเลือกเครื่องสำอางชนิดดีๆ แล้วยังไม่พอ แพ็คเกจจิ้งหวานๆ ที่เลือกใช้ก็บอกอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความเป็นตัวตนของหญิงสาวได้เหมือนกัน

1 บอกลาอายแชโดว์ที่ลบเลือน
ถ้าอยากให้อายแชโดว์ชนิดผงหรือชนิดฝุ่นที่คุณใช้อยู่สามารถ ทนน้ำฝน ทนเหงื่อของคุณได้ละก็ลองแต่งแต้มเปลือกตา แบบเปียกดูบ้างสิ โดยใช้พู่กันจุ่มน้ำนิดหนึ่ง ไล้สีฝุ่นให้ทั่วปลายพู่กัน แล้วแตะพู่กันที่มือเล็กน้อย จึงค่อยทาสีอายแชโดว์บนเปลือกตาลุคที่ดู ธรรมชาติในหน้าฝน ใช้สีโทนน้ำตาลอ่อนไล้ทั่วเปลือกตาเน้นน้ำหนักสีที่บริเวณกระบอกตาและใช้น้ำตาลเข้มไล้แค่หางตาเล็กน้อยจะได้รูปตาสวยชัดเจนขึ้น


2 ขนตางอนเด้งทั้งวัน
บางครั้งมาสคาร่าที่เราซื้อมาก็ไม่ได้เป็นวอเตอร์ปรู๊ฟอย่างใจเราต้องการเลยว่ามั้ยคะ ตอนซื้ออยากให้ลองดู (ถ้าที่เคาน์เตอร์มีให้ดูเนื้อมาสคาร่าได้)ว่าเป็นมาสคาร่าชนิดกันน้ำ ปัดแล้วรู้สึกว่าน้ำหนักเบากับขนตาเราด้วย เวลาปัดอย่างน้อยต้อง 5 ครั้งขึ้นไป ถึงจะได้ขนตาแบบเซ็กซี่ ส่วนตอนดัดขนตาให้ใช้ที่ดัดแบบไฟฟ้า หนีบเบาๆ (ที่ดัดแบบปกติถ้าคนดัดไม่เป็นก็จะยากอีกล่ะ) แค่นี้ขนตาของคุณก็จะงอนเด้งไปทั้งวัน


3 สวยแรกแย้ม ด้วยแก้มสีธรรมชาติ
แก้มของแต่ละคนมีโครงหน้าที่ไม่เหมือนกัน บางคนแก้มยุ้ยอาจจะเห็นพวงแก้มง่ายหน่อยในการเกลี่ย ถ้าเป็นบลัชแบบฝุ่นเวลาทาแก้มให้ใช้พู่กันใหญ่เกลี่ยสีบลัชออน แล้วไล้บริเวณโหนกแก้มขึ้นไปถึงช่วงแนวกกหู หรือถ้าเป็น แบบครีมอาจจะใช้นิ้วนางแตะครีมแล้วแต้ม และเกลี่ยด้วยการแตะเบาๆ ให้สีบลัชออนกระจายทั่วผิว แบบนี้ง่ายและดูกลมกลืนดี


4 หอมฟุ้งด้วยกลิ่นสดชื่น
อาจจะเป็นเพราะว่าหน้าฝนทำให้เสื้อผ้าของคุณมีกลิ่นอับเพราะความเปียกชื้นของฝน ป้องกันไว้ก่อนด้วยทุกเช้าไม่ควรลืมฉีดพรมน้ำหอมกลิ่นที่คุณชอบก่อนออกจากบ้านทุกครั้งตามจุดชีพจรสำคัญ เช่น ซอกคอหนังแนวหู ข้อมือทั้งสองข้าง และที่บริเวณเนินอกเล็กน้อย เน้นแนวกลิ่นที่ติดทนนานหน่อย จะได้หอมมั่นใจตลอดทั้งวัน


5 หน้าสวยด้วยสีปาก
ดินสอเขียนขอบปากอาจจะช่วยให้ลิปสติกที่ทายังดูสดสวยนั่นก็จริง แต่เคล็ดลับการทาลิปสติกที่ทำให้หน้าแลดูสดใสนั้น เลือกสีส้มอมชมพูแดงนิดๆ ระบายทั่วริมฝีปาก จากนั้นใช้ลิปกลอสสีใกล้เคียงกันทาทับอีกครั้ง สีลิปสติกจะได้ติดทนกว่าการไม่ทาลิปกลอสซะเลย หรือถ้าไม่มีดินสอเขียนขอบปาก ใช้ครีมรองพื้นหรือคอนซีล-เลอร์ทาบนริมฝีปากบางๆ ก่อนทาลิปสติกก็ช่วยให้สีลิปสติกติดทนเหมือนกัน


ฮิตมากเลยกับแฟชั่นขนตาเด้งๆ หลังจากที่เคยลองขนตาปลอมกันมาแล้วหลายแบบหลายสไตล์ คราวนี้ลองมาใช้แพขนตายาวสีเข้ม ที่กลายเป็นเครื่องรางนำโชคแห่งดวงตา สลับสีฟ้า ชมพู เขียวอ่อน และ เหลือง แหม! สวยครบทุกสีแบบนี้ก็เสริมโหงวเฮ้งได้อีกนะเนี่ย วิธีใช้ก็ง่ายแค่ตัดความยาวที่ต้องการแล้วติด หรืออาจจะติดเฉพาะตรงหางตาก็จะดูเปรี้ยวไปอีกแบบ

วันเสาร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2552

29 สุดยอดอาหาร คงความอ่อนเยาว์


คงไม่มีผู้หญิงคนไหนปรารถนาที่จะมีตีนกาอยู่บนใบหน้าเป็นแน่ แต่เพราะตัวเลข

ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เรื่องของริ้วรอยเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้!! อยากให้ริ้วรอยลด

เลือนลงไป แถมมีกระดูกที่แข็งแรง และมีพลังมากกว่านี้บ้างมั้ยล่ะ ลองเติมสุด

ยอดอาหารเหล่านี้ลงในเมนูของคุณดูสิ...

สดใสดูอ่อนกว่าวัย Stay looking young

เพียงแค่เลือกรับประทานอาหารที่ว่ามาทั้งหมดนี้ เพียงอย่างน้อย 1 อย่าง เป็น

ประจำทุกวัน ก็จะช่วยให้เส้นผมดำขลับ เงางาม ผิวพรรณผุดผ่องและดวงตาเป็น

ประกาย

1. บลูเบอร์รี่ : จากผลการวิจัยพบว่า แอนโทไซยานิน (anthocyanin) สารเม็ด

สีในบลูเบอร์รี่ ช่วยในการมองเห็น ขอแนะนำให้คุณลอง ปั่นบลูเบอร์รี่รวมกับนมหรือโยเกิร์ตดู

2. พริกหยวก : ทั้งพริกแดง พริกเขียว และพริกเหลืองต่างมีสารแอนตี้ออกซิ

แดนท์ ที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย น้ำฉ่ำๆ จากพริกหยวกยังจะช่วยให้สุขภาพ

เล็บแข็งแรง ลองนำพริกไปทำซัลซ่า โดยผสมเข้ากับมะเขือเทศ กระเทียม พริก

แดง แตงกว่า น้ำมันมะกอก และน้ำมะนาวดูสิ นอกจากจะได้ประโยชน์มหาศาล

จากเหล่าสุดยอดอาหารแล้ว ยังได้อร่อยกับเมนูเด็ดจากฝีมือของคุณเองอีก

3. กะหล่ำปลี : เห็นเขียวๆ ม่วงๆ อย่างนี้รู้มั้ยว่ากะหล่ำปลีนั้นอุดมไปด้วยวิตามิน

เอ, ซีและเบตาแคโรทีนที่จะช่วยในเรื่องของผิวพรรณ เพียงหั่นกะหล่ำปลีบางๆ

แล้วนำลงไปผัดกับขิงและกระเทียม เพียงเท่านี้ก็ได้อาหารมื้อค่ำสำหรับตัวคุณเองแล้ว

4. วอลนัท : ทองแดงในวอลนัทช่วยคงสภาพสีผมของคุณไม่ให้เปลี่ยนสีก่อนวัย

อันควร ลองโรยวอลนัทลงบนสลัดหรือโยเกิร์ตก็ไม่เลวนะ

5. แอปริคอท : สารเบตาแคโรทีนในแอปริคอทช่วยชะลอการเสื่อมถอยของ

เลนส์ตา ช่วยในการมองเห็นได้ดี ใส่แอปริคอทลงไปในสตูว์ไก่ ผสมกับขิงและ

อบเชยให้ได้กลิ่นอายแบบโมร็อคโค

6. อะโวคาโด : การรับประทานอะโวคาโดช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน และปกป้อง

ผิวจากอันตรายที่เกิดจากแสงแดด เนื่องจากอะโวคาโดอุดมไปด้วยวิตามินอี บด

อะโวคาโดโรยหน้าโอ๊ตเค้กเป็นของทานเล่นดูก็ได้

7. สตรอเบอร์รี่ : วิตามินซีและ สารบางอย่างในสตรอเบอร์รี่ช่วยเพิ่มความแข็ง

แรงของผนังเส้นเลือดผลไม้สีแดงสดทรงเสน่ห์แบบนี้ เพียงแช่เย็นไว้จิ้มกินกับ

เกลือตอนนั่งดูทีวีก็เพลินดีไม่น้อย

8. เต้าหู้ : หยุดยั้งผิวที่ซีดและแห้งโดยการรับประทานอาหารอย่าง เต้าหู้ เพราะ

ในเต้าหู้มีสารที่จะช่วยคืนสภาพผิวและป้องกันรอยเหี่ยวย่น ลองผัดรวมกับผัก

กรอบๆ หรือทำเป็นต้มจืดเอาไว้ทานเป็นมื้อเย็นนอกจากจะช่วยคืนสภาพผิวแล้ว

ยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

9. ข้าวโอ๊ต : เต็มไปด้วยเส้นใยที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยลด

อาการตึงเครียด จึงทำให้รอยเหี่ยวย่นน้อยลง เพียง โรยข้าวโอ๊ตลงบนมูสลี่ หรือ

นมอุ่นๆ ใส่น้ำตาลลงไปเล็กน้อยแค่นี้ก็ทานได้แล้ว กระชุ่มกระชวยเหมือนแรก

สาว Stay feeling young

10. กระเทียม : สมุนไพรกลิ่นแรงอย่างกระเทียมมีคุณสมบัติป้องกันแบคทีเรีย

ล้างพิษ และป้องกันไวรัสจากโรคภัยไข้เจ็บ ตั้งแต่ไข้หวัดไปจนถึงมะเร็ง อาหาร

ไทยส่วนใหญ่มีกระเทียมเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว

11. แครนเบอร์รี่ : ผลไม้มหัศจรรย์ช่วยต้านการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ

จากงานวิจัยล่าสุดพบว่ายังช่วยป้องกันโรคเหงือก และแผลในช่องท้องได้ชะงัด

อีกด้วย อาจจะทำเป็นแยมไว้รับประทานกับขนมปังหรือทำเป็นซอสแครนเบอร์รี่

ไว้ทาไก่หรือเนื้อย่างก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน

12. ลินสีด : ช่วยลดอาการเจ็บตามข้อต่อ เพราะอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่ร่าง

กายใช้ในการสร้างฮอร์โมนที่มีคุณสมบัติป้องกันอาการอักเสบ ลองเติมลงในน้ำ

ปั่นหรือโรยหน้าสลัดดูก็ได้นะ

13. กีวี : วิตามินซีและสารอาหารบางอย่างในกีวีช่วยในการไหลเวียน

ของออกซิเจน ลดปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่น โรคหืด หอบ หั่นกีวีเป็นลูก

เต๋าเสียบไม้กับมะม่วงหรือกล้วย ทาด้วยน้ำผึ้ง แล้วนำไปย่าง อาจจะได้รสชาติ

แปลกใหม่ที่น่าลิ้มลอง

14. ลูกพลัม : อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยป้องกันการถูกทำลายของไขมันซึ่ง

เป็นส่วนประกอบสำคัญในเซลล์สมอง นำลูกพลัมไปเคี่ยวกับน้ำส้ม และโรยลงไป

บนมูสลี่ หรือจะกินเล่น เป็นขนมขบเคี้ยวก็ไม่มีใครว่า

15. กล้วย : เป็นแหล่งรวมของโพแทสเซียม นอกจากกล้วยจะช่วยในเรื่องของ

ระบบการย่อยอาหารแล้วยังช่วยลดอาการท้องผูก แค่ผสมเข้ากับนม น้ำผึ้ง และ

อัลมอนด์ ก็จะได้อาหารเช้าที่แสนอร่อย

16. ส้ม : การรับประทานส้มทั้งผลแทนการดื่มน้ำส้มจะช่วยให้ได้รับสารอาหาร

อย่างเต็มที่ มิหนำซ้ำวิตามินซีในส้มยังช่วยป้องกันและเยียวยาโรคหวัด นอกจาก

นี้กากของส้มยังช่วยในเรื่องของการขับถ่ายด้วย

17. ข้าวกล้อง : ฮอตฮิต อินเทรนด์กันอยู่พักใหญ่ เพราะอุดมไปด้วยแร่แมงกานีส

ที่จะช่วยให้พลังงานกับร่างกายโดยการให้โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต และยังช่วย

เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย ใครที่ไม่ชอบสีจัดจ้านของข้าวกล้องก็สามารถ

หุงข้าวกล้องรวมกับข้าวสวยได้

18. มะเขือม่วง : เปลือกของมะเขือม่วงอุดมไปด้วยนาซูนิน (nasunin) ซึ่งมี

คุณสมบัติช่วยปกป้องสมองของคุณจากการถูกทำลาย เพื่อคงความฉลาดหลัก

แหลมของคุณไว้ ลองนำมะเขือม่วงไปทำแกง หรือรับประทานกับข้าวกล้องก็

อร่อยไม่เบา

แข็งแรงได้ใจ Stay healthy!

จากการศึกษาพบว่า อะไรก็ตามที่คุณรับประทานเข้าไป มีโอกาสที่จะทำให้โรค

ภัยไข้เจ็บต่างๆ ดีขึ้นได้ เช่น โรคมะเร็ง หรือโรคหัวใจ เพื่อให้อัตราการเสี่ยงของ

คุณลดน้อยลง ลองอาหารพวกนี้ดูสิ

19. ลูกพรุน : โพแทสเซียมในลูกพรุนช่วยลดคอเรสเตอรอลในเลือดและลดระดับ

ความดันเลือด ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคหัวใจ เสิร์ฟคู่กับ

โยเกิร์ตหรือกินเล่นเป็นของว่างก็ดี

20. คะน้า : ช่วยให้ตับของคุณผลิตเอ็นไซม์ในการต่อต้านมะเร็ง เมื่อคุณเคี้ยว

คะน้า จากการวิจัยพบว่าสามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม

ได้ ฮืม...ม เลือกผัดคะน้าปลาเค็ม เป็นเมนูมื้อกลางวันดีกว่า (อ้อ อย่าลืม

ทุบกระเทียมลงไปด้วยนะ)

21. ผักโขม : คุณจะได้รับแคลเซียมจากผักโขม ในขณะเดียวกันก็มีแมกนีเซียม

ที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณดูดซึมแคลเซียมได้ดี การรับประทานใบอ่อนของผัก

โขมในสลัด จะช่วยให้ป้องกันโรคกระดูกเปราะและหักง่ายเนื่องจากขาด

แคลเซียม

22. ราสเบอร์รี่ : จากผลการวิจัยพบว่าสารแอนตี้ออกซิเดนท์ในราสเบอร์รี่

สามารถยับยั้งการเกิดเนื้อร้ายได้ ลองนำราสเบอร์รี่ไปราดด้วยช็อกโกแลตเหลว

แล้วไปแช่เย็นดูสิ

23. ถั่วงอก : สารประกอบ ที่พบในถั่วงอก สามารถช่วยลดระดับไขมันในเส้น

เลือด นอกจากนี้ถั่วงอกยังประกอบด้วยสารอาหารในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยเรื่อง

โรคเล็กๆ น้อยๆ ของสตรีในวัยหมดประจำเดือนถั่วงอกผัดกับเต้าหู้ ทานกับข้าว

สวยร้อนๆ ก็อร่อยไม่เบา

24. บล็อคโคลี่ : การรับประทานบล็อคโคลี่เป็นประจำ จะช่วยลดอัตราเสี่ยงการ

เกิดโรคหัวใจได้ถึง20% และยังมีวิตามินซีที่ช่วยป้องกันการปวดกล้ามเนื้อ ปวด

ตามข้อ และโรคไขข้ออักเสบได้ด้วย ลวกใส่ในสลัด หรือผัดกับกุ้งสดก็ไม่เลว

25. บีทรูท : เนื้อของบีทรูทอุดมไปด้วยเบต้าไซยานิน ซึ่งเป็นสารต่อต้านมะเร็ง

รับประทานโดยการนำไปตุ๋นหรือย่าง

26. องุ่นแดง : จะช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดเลือดจับตัวเป็นก้อน และดักจับ

ไขมันในเลือดที่จะเป็นอันตรายต่อเส้นเลือดแดงของคุณ ใส่องุ่นแดงลงในสลัด

หรือดื่มไวน์แดงสักแก้วระหว่างมื้อค่ำ

27. ปลาที่มีไขมัน : แซลมอน หรือเนื้อปลาชนิดอื่นๆ ที่มีไขมันปนอยู่บ้างนั้น

สามารถช่วยปกป้องคุณจากโรคภัยไข้เจ็บมากมาย อีกทั้งโปรตีนในเนื้อปลายัง

ช่วยในเรื่องของสมอง ว่ากันว่าให้เด็กๆ กินปลาแล้วจะฉลาด ปลานึ่ง ปลาย่าง

ราดซอสอร่อยๆ ล้วนเป็นทางเลือกที่ดี

28. มะเขือเทศ : สารไลโคพีนี (lycopene) ในมะเขือเทศจะช่วยป้องกันการเกิด

มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ที่สำคัญช่วย

ให้ผิวสวยอย่าบอกใครเลยเชียวล่ะเลือกเอาเลยว่าคุณอยากจะใส่มะเขือเทศลงใน

อาหารอะไรบ้าง

29. หัวหอม : หัวหอมที่มีกลิ่นไม่หอมเหมือนชื่อนี้จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

ทั้งยังช่วยในการรักษาและป้องกันโรคเบาหวาน ซอยเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ

ใส่ในไข่เจียว หรือซอยใส่อาหารประเภทยำช่วยเพิ่มรสชาติได้ดีทีเดียว

29 สุดยอดอาหาร คงความอ่อนเยาว์


คงไม่มีผู้หญิงคนไหนปรารถนาที่จะมีตีนกาอยู่บนใบหน้าเป็นแน่ แต่เพราะตัวเลข

ที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เรื่องของริ้วรอยเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้!! อยากให้ริ้วรอยลด

เลือนลงไป แถมมีกระดูกที่แข็งแรง และมีพลังมากกว่านี้บ้างมั้ยล่ะ ลองเติมสุด

ยอดอาหารเหล่านี้ลงในเมนูของคุณดูสิ...

สดใสดูอ่อนกว่าวัย Stay looking young

เพียงแค่เลือกรับประทานอาหารที่ว่ามาทั้งหมดนี้ เพียงอย่างน้อย 1 อย่าง เป็น

ประจำทุกวัน ก็จะช่วยให้เส้นผมดำขลับ เงางาม ผิวพรรณผุดผ่องและดวงตาเป็น

ประกาย

1. บลูเบอร์รี่ : จากผลการวิจัยพบว่า แอนโทไซยานิน (anthocyanin) สารเม็ด

สีในบลูเบอร์รี่ ช่วยในการมองเห็น ขอแนะนำให้คุณลอง ปั่นบลูเบอร์รี่รวมกับนมหรือโยเกิร์ตดู

2. พริกหยวก : ทั้งพริกแดง พริกเขียว และพริกเหลืองต่างมีสารแอนตี้ออกซิ

แดนท์ ที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย น้ำฉ่ำๆ จากพริกหยวกยังจะช่วยให้สุขภาพ

เล็บแข็งแรง ลองนำพริกไปทำซัลซ่า โดยผสมเข้ากับมะเขือเทศ กระเทียม พริก

แดง แตงกว่า น้ำมันมะกอก และน้ำมะนาวดูสิ นอกจากจะได้ประโยชน์มหาศาล

จากเหล่าสุดยอดอาหารแล้ว ยังได้อร่อยกับเมนูเด็ดจากฝีมือของคุณเองอีก

3. กะหล่ำปลี : เห็นเขียวๆ ม่วงๆ อย่างนี้รู้มั้ยว่ากะหล่ำปลีนั้นอุดมไปด้วยวิตามิน

เอ, ซีและเบตาแคโรทีนที่จะช่วยในเรื่องของผิวพรรณ เพียงหั่นกะหล่ำปลีบางๆ

แล้วนำลงไปผัดกับขิงและกระเทียม เพียงเท่านี้ก็ได้อาหารมื้อค่ำสำหรับตัวคุณเองแล้ว

4. วอลนัท : ทองแดงในวอลนัทช่วยคงสภาพสีผมของคุณไม่ให้เปลี่ยนสีก่อนวัย

อันควร ลองโรยวอลนัทลงบนสลัดหรือโยเกิร์ตก็ไม่เลวนะ

5. แอปริคอท : สารเบตาแคโรทีนในแอปริคอทช่วยชะลอการเสื่อมถอยของ

เลนส์ตา ช่วยในการมองเห็นได้ดี ใส่แอปริคอทลงไปในสตูว์ไก่ ผสมกับขิงและ

อบเชยให้ได้กลิ่นอายแบบโมร็อคโค

6. อะโวคาโด : การรับประทานอะโวคาโดช่วยทำให้ผิวเรียบเนียน และปกป้อง

ผิวจากอันตรายที่เกิดจากแสงแดด เนื่องจากอะโวคาโดอุดมไปด้วยวิตามินอี บด

อะโวคาโดโรยหน้าโอ๊ตเค้กเป็นของทานเล่นดูก็ได้

7. สตรอเบอร์รี่ : วิตามินซีและ สารบางอย่างในสตรอเบอร์รี่ช่วยเพิ่มความแข็ง

แรงของผนังเส้นเลือดผลไม้สีแดงสดทรงเสน่ห์แบบนี้ เพียงแช่เย็นไว้จิ้มกินกับ

เกลือตอนนั่งดูทีวีก็เพลินดีไม่น้อย

8. เต้าหู้ : หยุดยั้งผิวที่ซีดและแห้งโดยการรับประทานอาหารอย่าง เต้าหู้ เพราะ

ในเต้าหู้มีสารที่จะช่วยคืนสภาพผิวและป้องกันรอยเหี่ยวย่น ลองผัดรวมกับผัก

กรอบๆ หรือทำเป็นต้มจืดเอาไว้ทานเป็นมื้อเย็นนอกจากจะช่วยคืนสภาพผิวแล้ว

ยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

9. ข้าวโอ๊ต : เต็มไปด้วยเส้นใยที่ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งยังช่วยลด

อาการตึงเครียด จึงทำให้รอยเหี่ยวย่นน้อยลง เพียง โรยข้าวโอ๊ตลงบนมูสลี่ หรือ

นมอุ่นๆ ใส่น้ำตาลลงไปเล็กน้อยแค่นี้ก็ทานได้แล้ว กระชุ่มกระชวยเหมือนแรก

สาว Stay feeling young

10. กระเทียม : สมุนไพรกลิ่นแรงอย่างกระเทียมมีคุณสมบัติป้องกันแบคทีเรีย

ล้างพิษ และป้องกันไวรัสจากโรคภัยไข้เจ็บ ตั้งแต่ไข้หวัดไปจนถึงมะเร็ง อาหาร

ไทยส่วนใหญ่มีกระเทียมเป็นส่วนประกอบอยู่แล้ว

11. แครนเบอร์รี่ : ผลไม้มหัศจรรย์ช่วยต้านการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ

จากงานวิจัยล่าสุดพบว่ายังช่วยป้องกันโรคเหงือก และแผลในช่องท้องได้ชะงัด

อีกด้วย อาจจะทำเป็นแยมไว้รับประทานกับขนมปังหรือทำเป็นซอสแครนเบอร์รี่

ไว้ทาไก่หรือเนื้อย่างก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน

12. ลินสีด : ช่วยลดอาการเจ็บตามข้อต่อ เพราะอุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่ร่าง

กายใช้ในการสร้างฮอร์โมนที่มีคุณสมบัติป้องกันอาการอักเสบ ลองเติมลงในน้ำ

ปั่นหรือโรยหน้าสลัดดูก็ได้นะ

13. กีวี : วิตามินซีและสารอาหารบางอย่างในกีวีช่วยในการไหลเวียน

ของออกซิเจน ลดปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ เช่น โรคหืด หอบ หั่นกีวีเป็นลูก

เต๋าเสียบไม้กับมะม่วงหรือกล้วย ทาด้วยน้ำผึ้ง แล้วนำไปย่าง อาจจะได้รสชาติ

แปลกใหม่ที่น่าลิ้มลอง

14. ลูกพลัม : อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยป้องกันการถูกทำลายของไขมันซึ่ง

เป็นส่วนประกอบสำคัญในเซลล์สมอง นำลูกพลัมไปเคี่ยวกับน้ำส้ม และโรยลงไป

บนมูสลี่ หรือจะกินเล่น เป็นขนมขบเคี้ยวก็ไม่มีใครว่า

15. กล้วย : เป็นแหล่งรวมของโพแทสเซียม นอกจากกล้วยจะช่วยในเรื่องของ

ระบบการย่อยอาหารแล้วยังช่วยลดอาการท้องผูก แค่ผสมเข้ากับนม น้ำผึ้ง และ

อัลมอนด์ ก็จะได้อาหารเช้าที่แสนอร่อย

16. ส้ม : การรับประทานส้มทั้งผลแทนการดื่มน้ำส้มจะช่วยให้ได้รับสารอาหาร

อย่างเต็มที่ มิหนำซ้ำวิตามินซีในส้มยังช่วยป้องกันและเยียวยาโรคหวัด นอกจาก

นี้กากของส้มยังช่วยในเรื่องของการขับถ่ายด้วย

17. ข้าวกล้อง : ฮอตฮิต อินเทรนด์กันอยู่พักใหญ่ เพราะอุดมไปด้วยแร่แมงกานีส

ที่จะช่วยให้พลังงานกับร่างกายโดยการให้โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต และยังช่วย

เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย ใครที่ไม่ชอบสีจัดจ้านของข้าวกล้องก็สามารถ

หุงข้าวกล้องรวมกับข้าวสวยได้

18. มะเขือม่วง : เปลือกของมะเขือม่วงอุดมไปด้วยนาซูนิน (nasunin) ซึ่งมี

คุณสมบัติช่วยปกป้องสมองของคุณจากการถูกทำลาย เพื่อคงความฉลาดหลัก

แหลมของคุณไว้ ลองนำมะเขือม่วงไปทำแกง หรือรับประทานกับข้าวกล้องก็

อร่อยไม่เบา

แข็งแรงได้ใจ Stay healthy!

จากการศึกษาพบว่า อะไรก็ตามที่คุณรับประทานเข้าไป มีโอกาสที่จะทำให้โรค

ภัยไข้เจ็บต่างๆ ดีขึ้นได้ เช่น โรคมะเร็ง หรือโรคหัวใจ เพื่อให้อัตราการเสี่ยงของ

คุณลดน้อยลง ลองอาหารพวกนี้ดูสิ

19. ลูกพรุน : โพแทสเซียมในลูกพรุนช่วยลดคอเรสเตอรอลในเลือดและลดระดับ

ความดันเลือด ซึ่งทั้งสองอย่างนี้เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคหัวใจ เสิร์ฟคู่กับ

โยเกิร์ตหรือกินเล่นเป็นของว่างก็ดี

20. คะน้า : ช่วยให้ตับของคุณผลิตเอ็นไซม์ในการต่อต้านมะเร็ง เมื่อคุณเคี้ยว

คะน้า จากการวิจัยพบว่าสามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งเต้านม

ได้ ฮืม...ม เลือกผัดคะน้าปลาเค็ม เป็นเมนูมื้อกลางวันดีกว่า (อ้อ อย่าลืม

ทุบกระเทียมลงไปด้วยนะ)

21. ผักโขม : คุณจะได้รับแคลเซียมจากผักโขม ในขณะเดียวกันก็มีแมกนีเซียม

ที่จะช่วยให้ร่างกายของคุณดูดซึมแคลเซียมได้ดี การรับประทานใบอ่อนของผัก

โขมในสลัด จะช่วยให้ป้องกันโรคกระดูกเปราะและหักง่ายเนื่องจากขาด

แคลเซียม

22. ราสเบอร์รี่ : จากผลการวิจัยพบว่าสารแอนตี้ออกซิเดนท์ในราสเบอร์รี่

สามารถยับยั้งการเกิดเนื้อร้ายได้ ลองนำราสเบอร์รี่ไปราดด้วยช็อกโกแลตเหลว

แล้วไปแช่เย็นดูสิ

23. ถั่วงอก : สารประกอบ ที่พบในถั่วงอก สามารถช่วยลดระดับไขมันในเส้น

เลือด นอกจากนี้ถั่วงอกยังประกอบด้วยสารอาหารในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยเรื่อง

โรคเล็กๆ น้อยๆ ของสตรีในวัยหมดประจำเดือนถั่วงอกผัดกับเต้าหู้ ทานกับข้าว

สวยร้อนๆ ก็อร่อยไม่เบา

24. บล็อคโคลี่ : การรับประทานบล็อคโคลี่เป็นประจำ จะช่วยลดอัตราเสี่ยงการ

เกิดโรคหัวใจได้ถึง20% และยังมีวิตามินซีที่ช่วยป้องกันการปวดกล้ามเนื้อ ปวด

ตามข้อ และโรคไขข้ออักเสบได้ด้วย ลวกใส่ในสลัด หรือผัดกับกุ้งสดก็ไม่เลว

25. บีทรูท : เนื้อของบีทรูทอุดมไปด้วยเบต้าไซยานิน ซึ่งเป็นสารต่อต้านมะเร็ง

รับประทานโดยการนำไปตุ๋นหรือย่าง

26. องุ่นแดง : จะช่วยลดอัตราเสี่ยงของการเกิดเลือดจับตัวเป็นก้อน และดักจับ

ไขมันในเลือดที่จะเป็นอันตรายต่อเส้นเลือดแดงของคุณ ใส่องุ่นแดงลงในสลัด

หรือดื่มไวน์แดงสักแก้วระหว่างมื้อค่ำ

27. ปลาที่มีไขมัน : แซลมอน หรือเนื้อปลาชนิดอื่นๆ ที่มีไขมันปนอยู่บ้างนั้น

สามารถช่วยปกป้องคุณจากโรคภัยไข้เจ็บมากมาย อีกทั้งโปรตีนในเนื้อปลายัง

ช่วยในเรื่องของสมอง ว่ากันว่าให้เด็กๆ กินปลาแล้วจะฉลาด ปลานึ่ง ปลาย่าง

ราดซอสอร่อยๆ ล้วนเป็นทางเลือกที่ดี

28. มะเขือเทศ : สารไลโคพีนี (lycopene) ในมะเขือเทศจะช่วยป้องกันการเกิด

มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด และมะเร็งลำไส้ใหญ่ ที่สำคัญช่วย

ให้ผิวสวยอย่าบอกใครเลยเชียวล่ะเลือกเอาเลยว่าคุณอยากจะใส่มะเขือเทศลงใน

อาหารอะไรบ้าง

29. หัวหอม : หัวหอมที่มีกลิ่นไม่หอมเหมือนชื่อนี้จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

ทั้งยังช่วยในการรักษาและป้องกันโรคเบาหวาน ซอยเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ

ใส่ในไข่เจียว หรือซอยใส่อาหารประเภทยำช่วยเพิ่มรสชาติได้ดีทีเดียว